ภาษาอังกฤษนั้นมีลักษณะพิเศษอยู่อย่างหนึ่งนะขอรับ คือ เรื่องการ ออกเสียงตัวสะกด ซึ่งจำเป็นต้องออกเสียงตัวสะกดท้ายคำ ให้ถูกต้องด้วยและถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก เวลาอ่านหรือพูด ต้องออกเสียงตัวสะกดให้ถูกต้อง มิฉะนั้นฝรั่งจะฟังไม่รู้เรื่องหรือไม่เข้าใจว่าที่เราพูดหมายถึงอะไร ดังนั้นจึงได้นำตัวอย่างมาแสดงให้ดูพอสังเขป ดังต่อไปนี้ขอรับ
1.เมื่อ d อยู่ท้ายคำให้ออกเสียงเป็น ดึ เบาๆ ในลำคอ เช่น
land แลนดึ แผ่นดิน ที่ดินเพาะปลูก
hand แฮนดึ มือ
sand แวนดึ ทราย
kind ไคนดึ ใจดี
2.เมื่อ t อยู่ท้ายคำให้ออกเสียงเป็น ทึ เบาๆ ในลำคอเช่น
went เวนทึ ไปแล้ว
wait เวททึ คอย
left เลฟทึ ออกไป ทิ้ง
gift กิฟทึ พรสวรรค์
3.เมื่อ k อยู่ท้ายคำให้ออกเสียงเป็น คึ เบาๆ ในลำคอ เช่น
bank แบ๊งคึ ธนาคาร
thank แธงคึ ขอบคุณ
rank แรงคึ ยศ ลำดับ
tank แทงคึ ถัง, รถถัง บ่อกักน้ำ
4.เมื่อ s, se หรือ x อยู่ท้ายคำให้ออกเสียงเป็น สึ ให้ชัดเจนและเร็วที่สุด เช่น
class คลาสสึ ชั้นเรียน
whose ฮูสสึ ของใคร
box บ๊อกสึ กล่อง
case เคสสึ เรื่อง กรณี
5.เมื่อท้ายคำลงท้ายด้วย ses ให้ออกเสียงเป็น เซ้ส หรือ ซิ้ส เช่น
classes คลาสซิ้ส ชั้นเรียน
glasses กลาสซิ้ส แก้ว
masses แมสเซิ้ส ก้อน, กอง
buses บัสเซิ้ส รถเมล์
6.เมื่อท้ายคำนั้นลงท้ายด้วย ches, shes ให้ออกเสียงเป็น ชิส หรือ เช้ส
watches วอทชิส เฝ้าดู ดูทีวี
washes วอสเช้ส ซักล้าง
matches แมทชิส ไม้ขีดไฟ
7.เมื่อ ed อยู่ท้ายของคำที่เป็น t ให้ออกเสียงเป็น ทิด หรือ เท็ด ให้เร็วที่สุด เช่น
wanted วอนทิด ต้องการ
dated เดดทิด ลงวันที่
elected อิเลคเท็ด เลือก เลือกตั้ง
collected คอลเลคทิด สะสม
8.เมื่อ ed อยู่ท้ายคำที่เป็น d ให้ออกเสียงเป็น ดิด หรือ เด็ด เช่น
intended อินเทนเด็ด ตั้งใจ
landed แลนเด็ด ขึ้นบก
wedded เวดเด็ด แต่งงาน
9.เมื่อ st อยู่ท้ายคำให้ออกเสียงเป็น สิทึ เบาๆ และรวดเร็วด้วย เช่น
fast ฟาสสิทึ เร็ว
first เฟิสสิทึ ที่ 1
breakfast เบรกฟัสสิทึ อาหารเช้า
biggest บิ๊กเกสสิทึ ใหญ่ที่สุด
10.เมื่อ ed อยู่ท้ายคำที่เป็นพยัญชนะ k, p, f, s, ss, sh, ch ให้ออกเสียงเป็น ทึ เบาๆ ในลำคอ เช่น
kicked คิคทึ เตะ
stopped สต๊อปทึ หยุด
kissed คิสทึ จูบ
washed วอชิชทึ ล้าง
catched แคทชิทึ จับ, ทัน
11.คำลงท้ายนอกจากพยัญชนะที่กล่าวมานี้ เมื่อเติม ed ลงไปให้ออกเสียงเป็น ดึ เบาๆ ในลำคอ เช่น
opened โอพเพนดึ เปิด
played เพลย์ดึ เล่น
stayed สเตย์ดึ พักอาศัย พักผ่อน
begged เบ๊กทึ ขอ
1.เมื่อ d อยู่ท้ายคำให้ออกเสียงเป็น ดึ เบาๆ ในลำคอ เช่น
land แลนดึ แผ่นดิน ที่ดินเพาะปลูก
hand แฮนดึ มือ
sand แวนดึ ทราย
kind ไคนดึ ใจดี
2.เมื่อ t อยู่ท้ายคำให้ออกเสียงเป็น ทึ เบาๆ ในลำคอเช่น
went เวนทึ ไปแล้ว
wait เวททึ คอย
left เลฟทึ ออกไป ทิ้ง
gift กิฟทึ พรสวรรค์
3.เมื่อ k อยู่ท้ายคำให้ออกเสียงเป็น คึ เบาๆ ในลำคอ เช่น
bank แบ๊งคึ ธนาคาร
thank แธงคึ ขอบคุณ
rank แรงคึ ยศ ลำดับ
tank แทงคึ ถัง, รถถัง บ่อกักน้ำ
4.เมื่อ s, se หรือ x อยู่ท้ายคำให้ออกเสียงเป็น สึ ให้ชัดเจนและเร็วที่สุด เช่น
class คลาสสึ ชั้นเรียน
whose ฮูสสึ ของใคร
box บ๊อกสึ กล่อง
case เคสสึ เรื่อง กรณี
5.เมื่อท้ายคำลงท้ายด้วย ses ให้ออกเสียงเป็น เซ้ส หรือ ซิ้ส เช่น
classes คลาสซิ้ส ชั้นเรียน
glasses กลาสซิ้ส แก้ว
masses แมสเซิ้ส ก้อน, กอง
buses บัสเซิ้ส รถเมล์
6.เมื่อท้ายคำนั้นลงท้ายด้วย ches, shes ให้ออกเสียงเป็น ชิส หรือ เช้ส
watches วอทชิส เฝ้าดู ดูทีวี
washes วอสเช้ส ซักล้าง
matches แมทชิส ไม้ขีดไฟ
7.เมื่อ ed อยู่ท้ายของคำที่เป็น t ให้ออกเสียงเป็น ทิด หรือ เท็ด ให้เร็วที่สุด เช่น
wanted วอนทิด ต้องการ
dated เดดทิด ลงวันที่
elected อิเลคเท็ด เลือก เลือกตั้ง
collected คอลเลคทิด สะสม
8.เมื่อ ed อยู่ท้ายคำที่เป็น d ให้ออกเสียงเป็น ดิด หรือ เด็ด เช่น
intended อินเทนเด็ด ตั้งใจ
landed แลนเด็ด ขึ้นบก
wedded เวดเด็ด แต่งงาน
9.เมื่อ st อยู่ท้ายคำให้ออกเสียงเป็น สิทึ เบาๆ และรวดเร็วด้วย เช่น
fast ฟาสสิทึ เร็ว
first เฟิสสิทึ ที่ 1
breakfast เบรกฟัสสิทึ อาหารเช้า
biggest บิ๊กเกสสิทึ ใหญ่ที่สุด
10.เมื่อ ed อยู่ท้ายคำที่เป็นพยัญชนะ k, p, f, s, ss, sh, ch ให้ออกเสียงเป็น ทึ เบาๆ ในลำคอ เช่น
kicked คิคทึ เตะ
stopped สต๊อปทึ หยุด
kissed คิสทึ จูบ
washed วอชิชทึ ล้าง
catched แคทชิทึ จับ, ทัน
11.คำลงท้ายนอกจากพยัญชนะที่กล่าวมานี้ เมื่อเติม ed ลงไปให้ออกเสียงเป็น ดึ เบาๆ ในลำคอ เช่น
opened โอพเพนดึ เปิด
played เพลย์ดึ เล่น
stayed สเตย์ดึ พักอาศัย พักผ่อน
begged เบ๊กทึ ขอ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น