Giving and receiving การให้และการรับของขวัญ
เมื่อเราต้องการจะให้ของขวัญแก่ใคร เราอาจพูดได้อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
This is for you.
Here is something for you.
Here is a little present for you.
นี่ไงของขวัญเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคุณ
และผู้รับมักจะตอบว่า
Thank you very much.
That’s very kind of you. Thank you very much.
ขอบคุณมากๆ ครับ นั่นเป็นความใจดีของคุณ
และเมื่อเขากล่าวขอบคุณ ผู้ให้อาจกล่าวตอบไปได้ว่า
You’re welcome. ไม่เป็นไรครับ
You’re quite welcome. ไม่เป็นไรหรอกครับ ยินดีครับ
Don’t mention it. ไม่เป็นไรหรอกครับ ยินดีครับ
Invitation การเชื้อเชิญ
การเชื้อเชิญเป็นมารยาทอีกอย่างหนึ่งในสังคมมนุษย์ ดังนั้น เมื่อเราจะเชิญผู้ใด เพื่อนๆ ต้องเข้าใจหลักสากลว่าเขาใช้กันอย่างไร ไปดูกันเลย
1.I would like to invite you to dinner at my home this evening.
ผมใครขอเชิญคุณไปรับประทานอาหารมื้อเย็นที่บ้านผมเย็นวันนี้ด้วยนะครับ
2.I would like to have you come to my birth’s day party next Sunday.
ผมอยากจะให้คุณมาในงานเลี่ยงวันเกิดของผมวันอาทิตย์หน้า
3. Would you like to go to the cinema with me tonight?
คืนวันนี้คุณจะไปดูหนังกับผมได้ไหมครับ
4. Will you be able to go to the football game with us tomorrow?
วันพรุ่งนี้คุณจะไปดูฟุตบอลกับเราได้ไหมครับ
การตอบรับ
ผู้ถูกเชิญอาจตอบรับคำเชิญด้วยการขอบคุณเขาก่อนแล้วจึงบอกว่ายินดีรับคำเชิญ ดังนี้
Thank you. I’ll be glad to. ขอบคุณครับผมยินดีอย่างยิ่ง
Thank you. I’d be delighted to come ขอบคุณครับ ผมยินดีไปด้วยอย่างยิ่ง
Thank you. That’s very kind of you. I’d love to come ขอบคุณครับเป็นความกรุณาของคุณผมยินดีไปครับ
It’s very nice of you to invite me. I’d like very much to come. เป็นพระคุณอย่างยิ่งที่เชิญผม ผมยินดีจะไปอย่างยิ่งทีเดียวครับ
การตอบปฏิเสธคำเชิญ
ถือเป็นมารยาทอย่างหนึ่งในการตอบปฏิเสธ หากไปไม่ได้ก็จำต้องแสดง
ความเสียใจ หรือยินดีที่ได้รับเชิญ ซึ่งคำที่นำมาใช้ มีดังต่อไปนี้
1.I’m sorry, but I have another engagement.
ผมเสียใจครับ ผมมีนัดอื่นเสียแล้ว
2.I’m awfully sorry, but I must go to Chiengmai this evening.
ผมเสียใจอย่างยิ่งทีเดียวเพราะจะไปเชียงใหม่เย็นวันนี้เสียแล้ว
3.I would like to, but I have an appointment with the dentist tomorrow.
ผมยินดีจะไปครับ แต่พรุ่งนี้ผมได้นัดไว้กับหมอฟันแล้ว
4.I’d like to come, but I’m afraid I can’t. I’ve an important meeting tomorrow evening.
ผมยินดีจะไปครับ แต่เกรงว่าจะไปไม่ได้ เพราะเย็นวันพรุ่งนี้ผมติดประชุมครั้งสำคัญเสียด้วย
Example: Do: How about having dinner with me tomorrow?
So: Thank you. I’d love to. Where shall I meet you?
Do: Would Ban Pa restaurant be convenient?
So: Yes, that would be fine. What time?
Do: About 05.30
So: I’m afraid I can’t make it that early. Would 6 p.m. be all right?
Do: Yes, of course. There at 6 p.m.
So: Fine. See you tomorrow.
Introduction การแนะนำให้รู้จักกัน
เพื่อนๆ ครับ การแนะนำให้รู้จักกันและกันนั้น ถือเป็นมารยาทหรือวัฒนธรรมที่ดี
อันหนึ่งในสังคมมนุษย์เรา เราไปดูกันเลยว่ามีอะไรกันบ้าง
Miss Cherry. Let me introduce Mr. Tris.
คุณเชอรี่ครับ ขอให้ผมแนะนำมิสเตอร์ทริสเถอะครับ หรือจะกล่าวอย่างใดอย่างหนึ่งตามนี้ก็ได้
- Miss Cherry, may I introduce Mr. Tris?
- Miss Cherry, may I present Mr. Tris?
- Miss Cherry, allow me to introduce Mr. Tris.
- Miss Cherry, allow me to present Mr. Tris.
- Miss Cherry, I’d like you to meet Mr. Tris.
- Miss Cherry, this is Mr. Tris.
เมื่อแนะนำให้รู้จักชื่อแล้ว เรามักจะบอกให้ทราบต่อไปอีกว่า ผู้นั้นเป็นใครหรืออะไรอีกด้วย เช่น
Miss Cherry, this is Mr. Tris, a class mate of mine.
คุณเชอรี่ครับ นี่คือคุณทริส เพื่อนร่วมชั้นเรียนของผม
Mr. Rooney, allow me to introduce Mr. Ronaldo, an old friend of mine.
คุณรูนี่ย์ครับ ขอให้ผมได้แนะนำให้รู้จักโรนัลโด้เพื่อนเก่าของผม
How do you do? การทักทายด้วย How do you do?
คำนี้จะนำมาใช้เป็นคำทักทายก็ต่อเมื่อได้รับการแนะนำให้รู้จักกันแล้ว เหมือน
สวัสดี ในภาษาไทนของเราไม่เชิงเป็นการถามทุกข์สุขอะไรมากรัก ฉะนั้นฝ่ายที่ได้รับการ
แนะนำก็จะกล่าวทักทายว่า How do you do? อีกฝ่ายหนึ่งก็จะตอบกลับคำเดียวกันว่า
How do you do? เช่น
Rooney: Mr. Ronaldo, this is Nani, a friend of mine.
Mr. Ronaldo: How do you do?
Mr. Nani: How do you do? (พูดกับโรนัลโด)
หลังการกล่าวทักทายกันแล้ว ทั้งคู่อาจกล่าวเพิ่มเติมด้วยประโยคต่อไปนี้อีกก็ได้
1. I’m very glad to meet you. 2. It’s great pleasure for me to meet you. ดีใจมากที่ได้พบคุณ
Self-Introduction การแนะนำตนเองเพื่อนๆ ครับในบางครั้งบางโอกาส ไม่มีผู้แนะนำเรา แต่เรา
ต้องการให้เขารู้จักตัวเรา เราจะแนะนำตัวเราเองได้อย่างไร สามารถทำได้ดังนี้
1. Excuse me. My name is Yotsak Sukkasem.
โทษครับ ผมชื่อยศศักดิ์ สุขเกษม
2. Let me introduce myself. My name is Ferdinand.
ผมขอแนะนำตัวเองหน่อยครับ ผมชื่อเฟอร์ดินานด์ครับ
เมื่อเราต้องการจะให้ของขวัญแก่ใคร เราอาจพูดได้อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
This is for you.
Here is something for you.
Here is a little present for you.
นี่ไงของขวัญเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคุณ
และผู้รับมักจะตอบว่า
Thank you very much.
That’s very kind of you. Thank you very much.
ขอบคุณมากๆ ครับ นั่นเป็นความใจดีของคุณ
และเมื่อเขากล่าวขอบคุณ ผู้ให้อาจกล่าวตอบไปได้ว่า
You’re welcome. ไม่เป็นไรครับ
You’re quite welcome. ไม่เป็นไรหรอกครับ ยินดีครับ
Don’t mention it. ไม่เป็นไรหรอกครับ ยินดีครับ
Invitation การเชื้อเชิญ
การเชื้อเชิญเป็นมารยาทอีกอย่างหนึ่งในสังคมมนุษย์ ดังนั้น เมื่อเราจะเชิญผู้ใด เพื่อนๆ ต้องเข้าใจหลักสากลว่าเขาใช้กันอย่างไร ไปดูกันเลย
1.I would like to invite you to dinner at my home this evening.
ผมใครขอเชิญคุณไปรับประทานอาหารมื้อเย็นที่บ้านผมเย็นวันนี้ด้วยนะครับ
2.I would like to have you come to my birth’s day party next Sunday.
ผมอยากจะให้คุณมาในงานเลี่ยงวันเกิดของผมวันอาทิตย์หน้า
3. Would you like to go to the cinema with me tonight?
คืนวันนี้คุณจะไปดูหนังกับผมได้ไหมครับ
4. Will you be able to go to the football game with us tomorrow?
วันพรุ่งนี้คุณจะไปดูฟุตบอลกับเราได้ไหมครับ
การตอบรับ
ผู้ถูกเชิญอาจตอบรับคำเชิญด้วยการขอบคุณเขาก่อนแล้วจึงบอกว่ายินดีรับคำเชิญ ดังนี้
Thank you. I’ll be glad to. ขอบคุณครับผมยินดีอย่างยิ่ง
Thank you. I’d be delighted to come ขอบคุณครับ ผมยินดีไปด้วยอย่างยิ่ง
Thank you. That’s very kind of you. I’d love to come ขอบคุณครับเป็นความกรุณาของคุณผมยินดีไปครับ
It’s very nice of you to invite me. I’d like very much to come. เป็นพระคุณอย่างยิ่งที่เชิญผม ผมยินดีจะไปอย่างยิ่งทีเดียวครับ
การตอบปฏิเสธคำเชิญ
ถือเป็นมารยาทอย่างหนึ่งในการตอบปฏิเสธ หากไปไม่ได้ก็จำต้องแสดง
ความเสียใจ หรือยินดีที่ได้รับเชิญ ซึ่งคำที่นำมาใช้ มีดังต่อไปนี้
1.I’m sorry, but I have another engagement.
ผมเสียใจครับ ผมมีนัดอื่นเสียแล้ว
2.I’m awfully sorry, but I must go to Chiengmai this evening.
ผมเสียใจอย่างยิ่งทีเดียวเพราะจะไปเชียงใหม่เย็นวันนี้เสียแล้ว
3.I would like to, but I have an appointment with the dentist tomorrow.
ผมยินดีจะไปครับ แต่พรุ่งนี้ผมได้นัดไว้กับหมอฟันแล้ว
4.I’d like to come, but I’m afraid I can’t. I’ve an important meeting tomorrow evening.
ผมยินดีจะไปครับ แต่เกรงว่าจะไปไม่ได้ เพราะเย็นวันพรุ่งนี้ผมติดประชุมครั้งสำคัญเสียด้วย
Example: Do: How about having dinner with me tomorrow?
So: Thank you. I’d love to. Where shall I meet you?
Do: Would Ban Pa restaurant be convenient?
So: Yes, that would be fine. What time?
Do: About 05.30
So: I’m afraid I can’t make it that early. Would 6 p.m. be all right?
Do: Yes, of course. There at 6 p.m.
So: Fine. See you tomorrow.
Introduction การแนะนำให้รู้จักกัน
เพื่อนๆ ครับ การแนะนำให้รู้จักกันและกันนั้น ถือเป็นมารยาทหรือวัฒนธรรมที่ดี
อันหนึ่งในสังคมมนุษย์เรา เราไปดูกันเลยว่ามีอะไรกันบ้าง
Miss Cherry. Let me introduce Mr. Tris.
คุณเชอรี่ครับ ขอให้ผมแนะนำมิสเตอร์ทริสเถอะครับ หรือจะกล่าวอย่างใดอย่างหนึ่งตามนี้ก็ได้
- Miss Cherry, may I introduce Mr. Tris?
- Miss Cherry, may I present Mr. Tris?
- Miss Cherry, allow me to introduce Mr. Tris.
- Miss Cherry, allow me to present Mr. Tris.
- Miss Cherry, I’d like you to meet Mr. Tris.
- Miss Cherry, this is Mr. Tris.
เมื่อแนะนำให้รู้จักชื่อแล้ว เรามักจะบอกให้ทราบต่อไปอีกว่า ผู้นั้นเป็นใครหรืออะไรอีกด้วย เช่น
Miss Cherry, this is Mr. Tris, a class mate of mine.
คุณเชอรี่ครับ นี่คือคุณทริส เพื่อนร่วมชั้นเรียนของผม
Mr. Rooney, allow me to introduce Mr. Ronaldo, an old friend of mine.
คุณรูนี่ย์ครับ ขอให้ผมได้แนะนำให้รู้จักโรนัลโด้เพื่อนเก่าของผม
How do you do? การทักทายด้วย How do you do?
คำนี้จะนำมาใช้เป็นคำทักทายก็ต่อเมื่อได้รับการแนะนำให้รู้จักกันแล้ว เหมือน
สวัสดี ในภาษาไทนของเราไม่เชิงเป็นการถามทุกข์สุขอะไรมากรัก ฉะนั้นฝ่ายที่ได้รับการ
แนะนำก็จะกล่าวทักทายว่า How do you do? อีกฝ่ายหนึ่งก็จะตอบกลับคำเดียวกันว่า
How do you do? เช่น
Rooney: Mr. Ronaldo, this is Nani, a friend of mine.
Mr. Ronaldo: How do you do?
Mr. Nani: How do you do? (พูดกับโรนัลโด)
หลังการกล่าวทักทายกันแล้ว ทั้งคู่อาจกล่าวเพิ่มเติมด้วยประโยคต่อไปนี้อีกก็ได้
1. I’m very glad to meet you. 2. It’s great pleasure for me to meet you. ดีใจมากที่ได้พบคุณ
Self-Introduction การแนะนำตนเองเพื่อนๆ ครับในบางครั้งบางโอกาส ไม่มีผู้แนะนำเรา แต่เรา
ต้องการให้เขารู้จักตัวเรา เราจะแนะนำตัวเราเองได้อย่างไร สามารถทำได้ดังนี้
1. Excuse me. My name is Yotsak Sukkasem.
โทษครับ ผมชื่อยศศักดิ์ สุขเกษม
2. Let me introduce myself. My name is Ferdinand.
ผมขอแนะนำตัวเองหน่อยครับ ผมชื่อเฟอร์ดินานด์ครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น